เรียน คุณ aew
1.ผนังบ้านมีปัญหารอยแตกร้าว ในส่วนที่ต่อขยาย และตามมุมหน้าต่าง
หากรอยแตกร้าวไม่มีการเคลื่อนตัวเพิ่มเติม (ความกว้างและความยาวของรอยร้าวคงที่ ตามเวลาที่ผ่านไป) สามารถดำเนินการซ่อมแซมรอยร้าวโดยใช้วัสดุซ่อมแซมเช่น Polyurethane หรือ Repair Mortar ได้ครับ แต่หากรอยร้าวยังขยับตัวอยู่ แนะนำให้แก้ไขที่สาเหตุของรอยร้าวก่อน (ทำให้รอยร้าวคงที่ไม่ขยายตัวเพิ่มเติม) แล้วจึงค่อยซ่อมแซม ซึ่งใน worst case คือ งานต่อเติมอาคารผิดหลักวิศวกรรม ทำให้อาคารทรุดและแตกร้าว สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
1.1. การซ่อมรอยต่อระหว่างอาคารส่วนต่อเติมและบ้านเดิม (joint repairing or joint seperation) ที่มีการแตกร้าว เช่น ใช้ไม้บัวปิดยึดสกรูด้านเดียว หรือใช้ elastic sealant หรือกรณีหลังคาก็อาจทำปีกนกหรือ flashing เป็นต้น ข้อดีคือ ง่ายและประหยัด แต่เป็นการซ่อมแซมที่ปลายเหตุ เพราะปัญหาทางวิศวกรรมฐานรากยังไม่ได้ถูกแก้ไข และอาคารยังคงเคลื่อนตัวออกจากกันอยู่ตลอดเวลา เมื่อการเคลื่อนตัวมากขึ้นถึงระดับหนึ่ง ก็ต้องซ่อมแซมรอยต่อเหล่านี้ใหม่ไปเรื่อยๆ ระยะเวลาการซ่อมแซมแต่ละครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าอัตราการทรุดตัวของโครงสร้างเร็วแค่ไหน และเราเลือกออกแบบ joint ให้รองรับการเคลื่อนตัวได้มากแค่ไหนครับ
1.2. การปรับปรุงฐานรากโดยการเสริมเสาเข็ม (underpinning) หลักการคือ เสริมเสาเข็มยาวโดยออกแบบเสาเข็มให้ปลายเสาเข็มหยั่งถึงชั้นทราย เพื่อควบคุมการทรุดตัวของอาคารให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับอาคารหลักหรือตัวบ้านเดิม เป็นการแก้ไขทางวิศวกรรมฐานราก ทั้งนี้อาจรวมไปถึงการดีดอาคารปรับระดับในกรณีที่อาคารมีการทรุดเอียงเสียระดับไปด้วย ข้อดีคือ เป็นวิธีที่ถูกหลักวิศวกรรม หรือแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เมื่อแก้ไขแล้วจะไม่เกิดปัญหาอีก แต่ข้อเสียคือ ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
1.3. การรื้อสร้างใหม่ (rebuild) โดยออกแบบให้ถูกต้องตามหลักวิศวกรรมตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับวิศวกรรมฐานรากและโครงสร้างครับ ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับรูปร่างและขนาดอาคารส่วนต่อเติม
2.น้ำรั่วจากห้องน้ำชั้นบนลงมาชั้นล่าง
แนะนำให้ทำ waterproofing system ที่พื้นห้องน้ำชั้นบน เพื่อป้องกันปัญหารั่วซึมได้อย่างถาวรครับ ตามวิธีการโดยสังเขปดังนี้
2.1. รื้อสุขภัณฑ์ตั้งพื้นออกแบบคงสภาพ
2.2. รื้อกระเบื้องพื้นและกระเบื้องผนัง 1 แผ่นล่าง
2.3. Mortar Levelling และ ฉาบปรับระดับผนัง
2.4. Waterproofing พื้นและผนังด้านล่าง
2.5. ปูกระเบื้องพื้นและผนังด้านล่างด้วย Adhesive
2.6. ติดตั้งสุขภัณฑ์กลับเข้าตำแหน่งเดิม
3.ส่วนต่อจากตัวบ้านกับหลังคาโรงรถ น้ำรั่วเวลาฝนตก
เข้าใจว่าส่วนต่อเติมอาจมีการเคลื่อนตัวหรือทรุดตัวในอัตราที่แตกต่างจากตัวบ้านหลัก ทำให้เกิด crack บริเวณทีโครงสร้างสองระบบนี้มาชนชิดกัน ถ้าง่ายและประหยัดแนะนำให้ทำ Flashing โดยการยึดกับตัวบ้านหลักฝั่งเดียว และปล่อยปลาย Flashing ให้คลุมฝั่งหลังคาโรงรถครับ
4.หลังคารั่ว เมื่อฝนตกและมีลมแรง
หากเกิดการรั่วซึมตรงบริเวณแผ่นหลังคาที่ซ้อนทับกัน เฉพาะเวลาที่ฝนตกและมีลมแรง แสดงว่าหลังคาดังกล่าวไม่ได้มุงตามความลาดชันต่ำสุดที่ผู้ผลิตแนะนะครับ เช่น กระเบื้องโมเนีย ผู้ผลิตแนะนำว่าไม่ควรมุงด้วยความลาดชันต่ำกว่า 17 องศา หรือ กระเบื้องลอนคู่ ผู้ผลิตแนะนำว่าไม่ควรมุงด้วยความลาดชันต่ำกว่า 10 องศา (พร้อมตัดมุมกระเบื้อง) เป็นต้น เพราะการมุงหลังคาด้วยความลาดชันที่ต่ำกว่าที่ผู้ผลิตแนะนำ อาจเกิดปัญหาน้ำฝนไหลย้อนเข้ามาตามรอยต่อแผ่นกระเบื้องนั่นเองครับ
แต่หากเกิดการรั่วซึมบริเวณ Flashing อาจจำเป็นที่จะต้องแก้ไขเฉพาะตำแหน่งที่เป็น Flashing ณ ตำแหน่งนั้นๆ ครับ เช่น รั่วซึมบริเวณปีกนก ครอบข้าง ครอบสัน ครอบข้างชนผนัง เป็นต้นครับ
โดยหากคุณ aew ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสนใจที่จะให้ทีมงานเสนอวิธีการและเสนอราคางานแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในรายละเอียด สามารถส่งข้อมูลเบื้องต้น เช่น แบบ layout อาคารเดิม และส่วนต่อเติม รูปถ่ายแสดงปัญหาที่หน้างานจริง มาทาง email : info@saangbaan.com หรือ LINE ID "leamxx" ได้ครับ | 
วันที่ตอบ 2014-02-26 08:50:36
